นอกจากสถานที่จัดงานแต่งงานแล้ว ‘ดอกไม้’ กับ ‘งานแต่งงาน’ ถือเป็นของคู่กัน ชนิดที่เรียกว่าขาดจากกันไม่ได้เลยทีเดียว เพราะ ‘ดอกไม้งานแต่ง’ เป็นสัญลักษณ์แทนความสดชื่น ช่วยสร้างบรรยากาศความรักอันแสนโรแมนติก พรั่งพรูความสุขใช้บอกแทนความรู้สึกดีๆ ซึ่งบ่าวสาวหลายคู่อาจยังไม่รู้ถึงความหมายของดอกไม้งานแต่งจึงไม่สามารถตัดสินใจเลือกได้ว่าดอกไม้ชนิดไหน เหมาะกับบุคลิกของตัวเอง Great Flower Studio จึงได้รวบรวมดอกไม้งานแต่ง 12 ชนิด พร้อมความหมายมงคล 12 แบบมาให้บ่าวสาวได้เลือกนำไปใช้เป็นไอเดียเพื่อสร้างความสวยงาม และเสริมความรักให้ยาวนาน จะมีดอกไม้อะไรบ้างนั้น จะอยู่ในลิสต์รายชื่อในใจว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวอย่างคุณหรือไม่ ตามมาดูกันเลย~
- กุหลาบ (Rose) = ความรักที่เด็ดเดี่ยวและมั่นคง
- ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea) = ความรักที่อ่อนโยน
- เดซี่ (Daisy) = ความรักที่บริสุทธิ์ใจต่อกัน
- ดอกคาร์เนชั่น (Carnation) = ความรักที่บริสุทธิ์ใจ และการเฉลิมฉลอง
- ดอกสแตติส (Statice) = ความรู้สึกดีๆ ที่ยังคงมีให้กันตลอดไป
- ดอกลิลลี่ (Lily) = เจ้าหญิงแห่งความนุ่มนวล
- ดอกทานตะวัน (Sunflower) = ความรักของคุณ จะมั่นคงและซื่อตรงต่อกันไปตลอดกาล
- ดอกรัก (Crown flower) = ความรักที่เติบโตอย่างมั่นคง
- ดอกมะลิ (Jasminum) = ความรักจริงใจ หอมหวนไปชั่วนิรันดร์
- ดอกเบญจมาศ (Chrysanthemum) = ความงดงามตลอดกาล
- ดอกดาวเรือง (Marigold) = ความเจริญรุ่งเรือง
- ดอกกล้วยไม้ (Orchid) = ความมั่งคั่ง ความรัก และความสง่างาม
1. กุหลาบ (Rose) = ความรักที่เด็ดเดี่ยวและมั่นคง
มาเริ่มต้นกันที่ ‘ดอกกุหลาบ’ ยังคงเป็นดอกไม้ที่เราเห็นกันจนชินตาเหมือนภาพจำของดอกไม้ที่ใช้แทนความรักเลยก็ว่าได้ เป็นดอกไม้ที่ Popular ที่สุดในหมู่มวลดอกไม้ที่นำมาใช้ในงานแต่งงาน เพียงแค่แขกผู้มีเกียรติเดินผ่านซุ้มกุหลาบก็จะสัมผัสได้ถึงความรักที่คู่บ่าวสาว มีต่อกันและกันได้อย่างน่าทึ่ง ดอกกุหลาบจะมีหลากหลายสี ซึ่งแต่ละสีก็บ่งบอกความรู้สึกและสื่อความหมายได้ลึกซึ้งไม่ซ้ำกัน แต่สีที่นิยมในงานแต่งงานมักใช้สีชมพูและสีขาว เพราะช่วยเสริมบรรยากาศให้ดูโรแมนติก เช่น ดอกกุหลาบสีชมพูสื่อถึงความรักที่สุขสมบูรณ์ และสีขาวสื่อถึงความรักที่จริงใจ บริสุทธิ์ เหมือนเป็นสัญลักษณ์ของ ‘รักแท้’ โดยส่วนใหญ่ เรามักจะเห็นกุหลาบสีขาวเป็นส่วนประกอบสำคัญในงานแต่งงานอยู่เสมอ ซึ่งนั่นก็ทำให้ดอกกุหลาบกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักอันหวานชื่น และติดลิสต์อันดับต้นของดอกไม้ที่มักใช้ในงานแต่งงานไปแล้วแทบทุกงาน
2. ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea) = ความรักที่อ่อนโยน
‘ไฮเดรนเยีย’ เจ้าดอกไม้ที่มีลักษณะเป็นพุ่มดูน่ารักน่าชังนี้ เป็นดอกไม้ที่แสดงออกถึง ความรัก ความนุ่มนวล และความอ่อนโยนละมุน ที่สื่อถึงเจ้าสาวคนสวยที่มีความหวานละมุนอยู่ในตัว เพราะสีของดอกที่มีความละมุนคล้ายสีพาสเทลอ่อนๆ จึงสร้างความสบายตาระรื่นใจ จากการได้สัมผัสแม้ผ่านเพียงทางสายตาเท่านั้น ทั้งยังให้ความหมายว่า “ความจริงใจและความพยายาม” ได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ด้วยลักษณะของดอกไม้ที่ต้องใช้ความเอาใจใส่ในการดูแลกว่าจะออกดอกสวยงามจึงมีความหมายแฝงแทน “คำขอบคุณ” เหมือนจะเอ่ยเป็นคำพูดว่า “ขอบคุณที่เข้าใจ และอยู่เคียงข้างกันเสมอมา” ซึ่งดอกไม้ชนิดนี้นิยมนำมาจัดเป็นช่อหรือประดับตามซุ้ม หรือพุ่มต่างๆ สร้างความโดดเด่นและเป็นพร็อบเสริมสิ่งเหล่านั้นให้เด่นขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
3. เดซี่ (Daisy) = ความรักที่บริสุทธิ์ใจต่อกัน
‘เดซี่’ ดอกไม้แห่งความรักที่เปรียบเสมือนความรักที่ทั้งคู่มีให้แก่กันและกัน เพราะเป็นดอกไม้ที่ดูเรียบง่าย แต่มีความคงทน และสง่างามได้ด้วยตัวของมันเอง ดังนั้นหลาย ๆ งานแต่งงานจึงมักนิยมใช้ดอกเดซี่ในการจัดประดับตกแต่งซุ้มหรือสถานที่โดยรอบเพื่อให้เกิดความสวยงามหรือแม้กระทั่งยังนิยมนำไปประดับบนทรงผมของเจ้าสาว สร้างความสวยในสไตล์เจ้าสาวที่มีความสดใสแสนดีอีกด้วย ถ้าวันหนึ่งคุณได้แต่งงาน เราอยากให้ดอกไม้ชนิดนี้เป็นส่วนหนึ่งในงานแต่งของคุณ
4. ดอกคาร์เนชั่น (Carnation) = ความรักที่บริสุทธิ์ใจและการเฉลิมฉลอง
‘ดอกคาร์เนชั่น’ ถือเป็นอีกหนึ่งดอกไม้ที่จะไม่พูดถึงเลยคงไม่ได้สำหรับการจัดดอกไม้งานแต่งชนิดนี้ที่เป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลองและการมาร่วมแสดงความยินดีของผู้มาร่วมงาน มีลักษณะของกลีบดอกซ้อนกันจนฟู ทนต่ออากาศร้อนได้ดี เป็นดอกไม้ที่ Popular ไม่แพ้ดอกกุหลาบ นอกจากนี้ยังเป็นดอกไม้ที่เก่าแก่และมีประวัติมายาวนาน โดยชาวกรีกโรมันมักนิยมนำมาใช้ในการแสดงความยินดี งานสังสรรค์รื่นเริง ไปจนกระทั่งงานแต่งงาน ซึ่งแต่ละสีก็จะให้ความหมายที่น่าสนใจแตกต่างกันออกไป จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคาร์เนชั่นจึงเป็นดอกไม้ที่อินเทรนด์แทบทุกงานแต่งงาน เพราะนอกจากจะมีหลากสีสันให้ได้ชื่นชมแล้ว ด้วยลักษณะของดอกที่กำลังผลิบานก็แสดงออกถึงความรักอันอบอวลที่เจ้างานกำลังส่งต่อความรักให้แก่กันและกันได้อย่างดีอีกด้วย
5. ดอกสแตติส (Statice) = ความรู้สึกดีๆ ที่ยังคงมีให้กันตลอดไป
‘ดอกสแตติส’ เป็นไม้ดอกที่มีสีสันสวยงามและทนทานต่อการเหี่ยวเฉามาก ทำให้คงรูปได้นานแม้ดอกจะแห้งไปแล้ว จึงนิยมนำไปประดับแซมในช่อดอกไม้ชนิดอื่นเพื่อประดับในงานพิธีต่างๆ และงานแต่งงาน เป็นดอกไม้ที่มีสีสันสวยงาม จึงนิยมแซมกับดอกไม้ชนิดอื่น เช่น ช่อดอกไม้เจ้าสาว อย่างสีม่วงกับสีขาวก็เข้ากันดีนะคะ บ่าวสาวคู่ไหนที่ชอบความเรียบแต่หรู ดอกไม้ชนิดนี้นับเป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียว เพราะความหมายของดอกสแตติสนั้น หมายถึง “ความรู้สึกดี ๆ ที่ยังคงมีให้กันตลอดไป”
6. ดอกลิลลี่ (Lily) = เจ้าหญิงแห่งความนุ่มนวล
‘ลิลลี่’ ฉายาดอกไม้ของเจ้าหญิงที่แสดงออกถึงความเป็นผู้หญิงที่เนี๊ยบแต่แฝงไปด้วย ความอ่อนหวาน นุ่มนวลและน่ารักสดใส เป็นดอกไม้ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา มีความหมายนัย ๆที่แสดงถึงความประทับใจในตัวของคู่รักแบบหาที่ติไม่ได้ แถมยังเป็นดอกไม้ที่มีสีสันหลากหลายซึ่งแต่ละสีก็นิยามความรักแตกต่างกันออกไปอีกด้วยนะ จึงนิยมนำมาประดับตกแต่งซุ้ม Centerpieces และช่อดอกไม้ เจ้าสาว แต่ไม่นิยมจัดดอกลิลลี่อย่างเดียวเพราะจะมีกลิ่นแรง จึงได้นำดอกไม้ชนิดอื่นมาแซม สร้างความเก๋ที่ดูหรูหราให้งานแต่งขึ้นได้หลายเลเวลเลยทีเดียว
7. ดอกทานตะวัน (Sunflower) = ความรักของคุณจะมั่นคงและซื่อตรงต่อกันไปตลอดกาล
‘ดอกทานตะวัน’ ดอกไม้ที่มีความหมายโรแมนติกสุดๆ ดังความหมายที่ว่า “จะรักเดียวใจเดียว จะมั่นคงและซื่อสัตย์กับคุณเพียงคนเดียวตลอดไปเหมือนดั่งดอกทานตะวันที่ไม่เคยหันมองผู้ใดนอกจากดวงอาทิตย์” เป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมั่น ความมั่นคง รักเดียวใจเดียว และฝ่าฟันอุปสรรคมาด้วยกัน ดังนั้นดอกทานตะวันจึงเป็นดอกไม้ที่มักนิยมใช้กันอย่างมากมายในงานแต่งงาน ไม่ว่าจะจัดช่อเล็กเป็นเข็มกลัดติดหน้าอกเจ้าบ่าว แสดงออกถึงความรักและความมั่นคงที่ผู้ชายคนหนึ่งจะพึงมอบให้กับเจ้าสาวได้หรือใช้ประดับบริเวณภายในงานที่สร้างทั้งความสวยงามและสีสันสดสะดุดตาก็ได้
สำหรับคู่บ่าว-สาวที่ได้มีแพลนจะแต่งงานในช่วง Summer สีที่เหมาะกับช่วงนี้สุดๆ ก็คือสีเหลือง ดังนั้น เราขอยกให้สีเหลืองอย่างดอกทานตะวันเป็นไฮไลต์ของงานเลยค่ะ เพราะสีเหลืองจะให้มู้ดความสดใส ร่าเริงและอบอุ่น เมื่อนำไปประดับตกแต่งภายในงานแล้ว ยิ่งจะทำให้ความสวยงามเปล่งประกายขึ้นเป็นเท่าตัวเลยค่ะ
8. ดอกรัก (Crown flower) = ความรักที่เติบโตอย่างมั่นคง
มากันที่ดอกไม้ที่แสดงออกถึงความเป็นไทยกันสักหน่อยค่ะ สำหรับดอกไม้ที่มีความหมายดีๆ แสดงออกแบบตรงตัวอยู่แล้วอย่าง ‘ดอกรัก’ แค่ชื่อก็สื่อถึงความรักแล้วค่ะ จึงขึ้นแท่นดอกไม้ในงานแต่งงานแทบทุกงาน ไม่ว่าจะนำมาร้อยเป็นพวงมาลัยสำหรับงานพิธีการให้กับคู่บ่าวสาว ตกแต่งพานขันหมาก โปรยบนที่นอนในพิธีการปูที่นอน ทั้งยังนำมาร้อยเป็นพวงดอกไม้ห้อยระย้า ตกแต่งตามบริเวณต่างๆ ของงานแต่งสร้างความสวยและตื่นตาให้แก่แขกผู้ร่วมงานได้เป็นอย่างดี โดยดอกรักนั้นจะมีความหมายที่สื่อถึง “คู่บ่าวสาวที่เจริญเติบโต ออกดอกสวยงามมั่นคงเหมือนกับดอกรัก” นั่นเองค่ะ
9. ดอกมะลิ (Jasminum) = ความรักจริงใจ หอมหวนไปชั่วนิรันดร์
‘ดอกมะลิ’ ดอกไม้มงคลตั้งแต่โบราณที่ต้องไปโผล่เกือบทุกงานแต่งงานแบบไทย ทุกยุคทุกสมัย ได้ชื่อว่าเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์ กลิ่นหอม ดูมีเสน่ห์สวยงามไม่แพ้ดอกไม้ชนิดอื่นเลยล่ะค่ะ จึงสื่อความหมายถึง “ความรักจริงใจ หอมหวนไปชั่วนิรันดร์” เป็นดอกไม้ อีกชนิดหนึ่งที่คู่บ่าว-สาว นิยมนำมาใช้ในพิธีมงคลเช่นเดียวกับดอกรัก คือนำมาร้อยเป็นพวงมาลัยหรือนำมาตกแต่งในบริเวณงานแต่งให้กลิ่นหอมฟุ้ง เห็นแล้วสบายตา
10. ดอกเบญจมาศ (Chrysanthemum) = ความงดงามตลอดกาล
‘ดอกเบญจมาศ’ หรืออีกชื่อคือ ‘ดอกมัม’ เป็นดอกไม้ที่มีความสวยงามของสีสัน เพราะมีหลากหลายสี หลายขนาดให้เลือก นิยมนำมาใช้ในงานมงคลอย่างงานแต่งงาน เป็นสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ร่วง แสดงออกถึงความเป็นไทยในระดับสากลได้เป็นอย่างดี ซึ่งนับว่าเป็นดอกไม้ที่ผสมผสานความเป็นไทยแบบอินเตอร์ได้อย่างลงตัวที่สุด ทั้งยังตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลาย เนื่องจากมีทั้งดอกเล็กและดอกขนาดใหญ่ และหลากสีสัน จึงสามารถเลือกใช้งานได้อย่างหลากหลายตามความต้องการได้ทั่วทั้งงาน จะใช้แซมผ้าปูโต๊ะ รับรองแขกหรือจะใช้ประดับเค้กแต่งงานสีขาวพื้นของคุณด้วยดอกสีม่วงก็สวยโรแมนติกสุดๆ ไปเลย นอกจากนี้ในคติความเชื่อโบราณของจีน ดอกเบญจมาศคือความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ความมีอายุยืนและความงามนิรันดร์ จึงมีความหมายที่สื่อถึงเจ้าสาวได้ว่า ‘ความงดงามตลอดกาล’
11. ดอกดาวเรือง (Marigold) = ความเจริญรุ่งเรือง
สำหรับ ‘ดอกดาวเรือง’ เป็นดอกไม้ที่คนไทยคุ้นเคยกันดี แม้ไม่ได้มีความหมายเกี่ยวข้องกับ ความรักที่หวานแหวว แต่ก็มีความหมายที่เป็นสิริมงคลไม่เบาเลยทีเดียว เชื่อกันว่าเป็นดอกไม้ที่มาจากสรวงสวรรค์ มีความหมายว่า “ความเจริญรุ่งเรือง” เมื่อใช้ในงานแต่งจะเหมือนเป็นการอวยพรให้คู่บ่าวสาวมีความรุ่งเรื่องในชีวิตคู่ มีเงินทองไหลมา หน้าที่การงานมั่นคง ดีสาระพัดแบบนี้ไม่นำไปประดับในงานแต่งคงไม่ได้แล้วล่ะค่ะ
12. ดอกกล้วยไม้ (Orchid) = ความมั่งคั่ง ความรัก และความสง่างาม
และเราก็เดินทางมาถึงดอกไม้งานแต่งสุดท้ายกันแล้วนะคะ กับ ‘ดอกกล้วยไม้’ เป็นดอกไม้ที่มีหลากหลายสายพันธุ์ หาง่าย ทนต่อการเหี่ยว มีกลีบดอกที่แข็งและราคาถูก เพียงเห็นรูปลักษณ์ของดอกกล้วยไม้ก็ทำให้รู้สึกถึงความสง่างามเลยค่ะ จึงมักถูกนำมาประดับในงานแต่งงาน เป็นสัญลักษณ์ของ “ความมั่งคั่ง ความรัก และความสง่างาม” ในหมู่ชาวกรีกสมัยก่อน ดอกกล้วยไม้แสดงถึง “การสืบเผ่าพันธุ์” แต่สำหรับชาวจีนกลับเรียกดอกกล้วยไม้ว่าเป็น “พืชแห่งกลิ่นกษัตริย์” หรือเป็นดอกไม้ที่ไว้บอกภาษารักว่า “ฉันไม่อาจห้ามใจให้คิดถึงเธอได้”
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ดอกไม้งานแต่งทั้ง 12 ชนิด ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ คงมีประโยชน์กับคู่บ่าวสาวในการตัดสินใจเลือกดอกไม้มาประดับตกแต่งในงานแต่งงานของตัวเองได้ไม่มากก็น้อย แต่ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ชนิดใดหรือการจัดดอกไม้ประดับงานแต่งงานด้วยรูปแบบใดก็ตาม ร้านขายดอกไม้ Great Flower Studio ขอเสนอตัวเป็นแม่งานเรื่องดอกไม้สวยๆ ให้กับงานวันสำคัญที่สุดของคุณ ซึ่งคุณและแขกในงานจะสัมผัสได้ถึงความสวยงามและความสดของดอกไม้ที่มาพร้อมความสวยงามแบบละลานตาจนสามารถสร้างความประทับใจให้กับทุกคนในงานอย่างแน่นอน