“ดอกไม้กินได้” ไม่ใช่ดอกไม้พิเศษอะไร แต่คือดอกไม้ทั่วไปที่มีความสวยงาม กลิ่นหอม และสีสันสวยงาม นอกจากนี้บางชนิดยังสามารถดัดแปลงทำเป็นส่วนประกอบของอาหารที่ให้ สรรพคุณที่ดีต่อร่างกาย แถมยังนำมาจัดตกแต่งจานอาหารทำให้อาหารดูน่ารับประทานได้อีกด้วย วันนี้ร้านดอกไม้ Great Flower ขอนำเสนอ “7 ดอกไม้กินได้” ที่อัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์ แถมนำมาแต่งจานให้มีสีสันสวยงาม ทำให้อาหารของคุณดูน่ารับประทานสุดๆ มาดูกันเลยดีกว่าค่ะ จะมีดอกไม้อะไรมาแต่งจานได้บ้าง รับรองว่าต้องถูกใจนักกินอย่างแน่นอน !
1. ดอกมะลิ (Jasminum) : ความงามบริสุทธิ์
ดอกมะลิ เป็นดอกไม้ที่คนไทยคุ้นเคยกันดี นอกจากจะนำมาร้อยพวงมาลัยแล้วเพื่อถวาย บูชาสิ่งศักสิทธิ์แล้วหรือนำไปแสดงความรักอันบริสุทธิ์ให้กับแม่ในวันแม่ อีกทั้งดอกตูมสีขาวที่มี กลิ่นหอมละมุนชื่นใจนี้ยังสารพัดประโยชน์ คนไทยนิยมจึงนิยมมาทำน้ำอบน้ำปรุง แต่นอกจากประโยชน์ที่เราพอจะทราบกันอยู่แล้ว ดอกมะลิยังกินและตกแต่งเมนูอาหารได้อีกด้วยนะคะ สามารถทำได้ทั้งอาหารคาว-หวาน และเมนูที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คือ น้ำลอยดอกมะลิ ในข้าวแช่ที่ให้ความหอม สดชื่น มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดท้อง ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ แก้ไข้ได้ดีค่ะ แถมบำรุงหัวใจทำให้ชื่นใจ จิตใจชุ่มชื่น แก้อาการอ่อนเพลียได้อีกด้วย
2. อัญชัน (Butterfly pea) : ความงามขนานนาม
ถ้าพูดถึงดอกไม้กินได้ ทุกคนคงต้องนึกถึง ดอกอัญชัน ใครไม่รู้จักดอกไม้ชนิดนี้ถือว่าแปลกมากค่ะ เพราะหากลองมองดี ๆ มีขึ้นอยู่เต็มไปหมดตั้งแต่หน้าบ้านไปจนถึงริมถนนใน เมืองใหญ่ คนส่วนใหญ่นิยมนำมาผสมสีในขนม หรือสกัดทำเป็นน้ำอัญชัน สีของดอกอัญชันเป็นสีม่วงมีสารแอนโธไซยานินที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และบำรุงสายตา นอกจากนำมาทำขนม หรือเครื่องดื่มแล้ว ตัวดอกอัญชันนั้นยังมีกลีบบาง แนะนำให้นำไปลวกทานคู่กับน้ำพริก ผักสดดูสิคะ อร่อยแน่!
3. ดอกลีลาวดี (Plumeria) : งดงามอ่อนช้อย
สำหรับดอกลีลาวดี เป็นดอกไม้ที่สวยและมีกลิ่นหอม มักนำมาตกแต่งจานอาหารให้ สวยงาม แต่จริงๆ แล้วสามารถนำมากินได้นะคะ โดยวิธีการนำมาประกอบอาหาร คือ ควรเก็บเฉพาะดอกที่ร่วงหล่นจากต้นทันที ไม่ควรเด็ดจากต้นเนื่องจากมียาง แนะนำให้นำไปทำเมนูชุบแป้งทอดจะมีรสชาติมันๆ อร่อยดีค่ะ สรรพคุณของดอกลีลาวดีช่วยรักษาอาการท้องอืด แก้อาการอ่อนเพลีย โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งฟื้นไข้ใหม่ๆ อีกทั้งยังมีความเชื่ออีกว่ากลิ่นของดอกลีลาวดีจะ ช่วยลดความรู้สึกทางเพศ เหมาะสำหรับนักบวชและผู้ฝึกตนที่ไม่ต้องการให้กามารมณ์มากวนใจ
4. ดอกคาโมมายล์ (Chamomile) : ความงามพันปี
Chamomile มีชื่อเรียกในภาษาฮินดีคือ Babune ka Phal มีชื่อเสียงในสรรพคุณทางยา และความงามมานานนับพันปี เป็นพืชสมุนไพรบำบัดที่ได้รับการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรยาวนาน นับตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณสู่ยุคกรีกโบราณ และยุคโรมัน จนถึงทวีปยุโรป ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพแล้ว ยังมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องการดูแลรักษาปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวกับผิวพรรณ
ลักษณะทั่วไปของดอกคาโมมายล์ จะมีดอกขาวสะอาดเหมือนดอกเดซี่ และมีเกสรสีเหลือง ทองอยู่กลางดอก มีรสชาติหวาน ใช้เป็นยามายาวนานตั้งแต่สมัยอียิปต์ ซึ่งในดอกมีสารอะพิจีนีน (Apigenin) ซึ่งช่วยเรื่องต้านการอักเสบ คลายกังวล และยังทำให้นอนหลับสนิทฝันดีอีกด้วย จึงนิยมนำดอกคาโมมายด์ตากแห้งชงดื่มเป็นชา หรือจัดประดับตกแต่งบนจานอาหารให้ดูน่ารับประทานขึ้นไปอีก แนะนำเลยค่ะ ใครสายโคเรียมินิมอล อยากจัดจานอาหารแล้วถ่ายรูปให้ดูมินิมอลโทนเกาหลี ลองเลือกดอกคาโมมายด์ไปเป็นไอเดียในการจัดตกแต่งได้น้า
5. ดอกโสน (Sesbania flowers) : โสนน้อยเรือนงาม
ดอกโสน เชื่อว่าไม่มากก็น้อยที่เคยได้ยินนิทานพื้นบ้านเรื่อง “โสนน้อยเรือนงาม” ซึ่งเป็นคนละอย่างกับดอกโสนนี้นะ ดอกโสนมีลักษณะเป็นดอกเล็กสีเหลืองสดใส มีมากช่วงปลายฤดูฝนระหว่างเดือนกันยายน – ตุลาคม มีรสจืดและมัน มากไปด้วยแคลเซียมกับฟอสฟอรัสที่ช่วยบำรุงกระดูกและสมอง ควรเก็บดอกในช่วงเย็นเพราะยังเป็นดอกตูมดูน่ากิน อีกทั้งยังมีวิตามินเอสูง คนไทยนิยมนำไปปรุงอาหาร เช่น นำไปลวกแล้วกินกับน้ำพริกหรือนำไปดองกับน้ำซาวข้าว กินกับน้ำพริกปลาทู นำไปชุบไข่ทอด แกงส้มหรือแกงใส่ไข่มดแดง ใช้ทำขนมดอกโสน เป็นต้น ว้าว! พิมพ์เอง หิวเองเลยค่ะ แต่ละเมนูน่ารับประทานทั้งนั้นเลย
6. ดอกเฟื่องฟ้า (Paper flower) : ราชินีแห่งไม้ประดับ
ดอกเฟื่องฟ้า หรือราชินีแห่งไม้ประดับที่ไม่ได้แค่สวยอย่างเดียว แต่ยังกินได้ด้วย ซึ่งหลายคนมักเข้าใจผิดว่าตัวดอกเฟื่องฟ้าคือส่วนที่เป็นสี ๆ แต่จริงแล้วส่วนนั้นคือใบดอกหรือใบที่เปลี่ยนสีนั่นเอง เนื้อสัมผัสบางคล้ายกับกระดาษ รสชาติออกฝาด แล้วยังช่วยบำรุงหัวใจกับระบบขับถ่าย และการปลูกดอกเฟื่องฟ้ายังมีความหมายดี ๆ ถึงความรุ่งเรืองก้าวไกลในชีวิตอีกด้วย สามารถนำมาใช้ในการประกอบอาหารได้ เช่น การทำดอกเฟื่องฟ้าชุบแป้งทอดด้วยการนำ ดอกเฟื่องฟ้ามาชุบในแป้งชุบทอด รอให้น้ำมันร้อนจัด แล้วใส่ดอกเฟื่องฟ้าที่ชุบแป้งลงไปทอดจน เหลืองกรอบ แล้วตักขึ้นมารอจนน้ำมันสะเด็ด ใช้รับประทานกับน้ำจิ้มเพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยยิ่ง ขึ้น ใครมีปัญหาเรื่องการขับถ่าย ลองนำดอกเฟื่องฟ้าไปปรุงอาหารดูนะคะเพื่อสุขภาพของตัวเรา
7. ดอกกุหลาบ (Rose) : ราชินีแห่งดอกไม้
ดอกกุหลาบ ถูกขนานนามว่า ราชินีแห่งดอกไม้ (The Queen of Flowers) เป็นดอกไม้ยอดฮิตที่มักนิยมนำมาตกแต่งจานอาหารเพราะมีสีสวย ให้กลิ่นหอม แต่ดอกสดก็สามารถนำมาทำอาหารได้ทั้งคาว-หวาน และดอกแห้งก็สามารถนำมาชงดื่มเป็นชาได้อีกด้วย ให้ความหอม ช่วยให้ผ่อนคลายสุดๆ นอกจากนี้ดอกกุหลาบยังมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการหวัด แก้อาการ อ่อนเพลีย รักษากระเพาะอักเสบ ท้องเสีย ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง เพิ่มการไหลเวียนเลือด แถมบำรุงหัวใจได้อีกด้วย
จบไปแล้วกับดอกไม้กินได้ที่เรานำมาฝากทุกคนในวันนี้ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ มีแต่เมนูดอกไม้น่าทานทั้งนั้นเลย แต่ก่อนที่เราจะเก็บหรือซื้อดอกไม้สวย ๆ ริมทางหรือจากร้านดอกไม้มากิน ควรศึกษาให้แน่ใจก่อนว่าดอกไม้ชนิดนั้นกินได้จริง และมีวิธีปรุงอย่างไรให้ปลอดภัยด้วย ซึ่งแต่ละชนิดก็เหมาะกับการกินสดคู่กับเครื่องเคียง บางชนิดต้องทำให้สุกก่อนถึงกินได้ ซึ่งการเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องนอกจากจะปลอดภัย ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอีกด้วย นอกจากนี้การจัดดอกไม้สีสันสวยงามในจานอาหารยังเป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้กับมื้ออาหารนั้น ๆ ไปอีก